ความเป็นมาของชีส ชีสมาจากไหนนะ ??

ความเป็นมาของชีส

ความเป็นมาของชีส  (Cheese)

ความเป็นมาของชีส

การค้นพบชีสเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญจากการเดินทางของชนเผ่าเร่ร่อนเบดูอินในทะเลทราย เนื่องจากชายอาหรับคนหนึ่งได้นำน้ำนมบรรทุกไว้บนหลังอูฐ
เพื่อใช้เป็นเสบียงอาหารระหว่างการเดินทาง จึงนำกระเพาะอาหารของแพะมาใช้เป็นภาชนะบรรจุน้ำนมไว้ภายใน ขณะที่เดินทางนั้นกระเพาะอาหารของแพะได้รับความร้อน
จากอากาศในทะเลทรายและบวกกับการถูกเขย่าตลอดระยะทาง ส่งผลให้เอนไซม์เรนนินในกระเพาะสัตว์ไปแยกน้ำและไขมันในนมออกจากกัน
เมื่อชายผู้นี้เกิดความกระหายหมายจะดื่มน้ำนมก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบกับก้อนนมแทน ชายผู้นี้จึงนำก้อนนมที่ได้มาใช้รับประทานเป็นอาหารแทน
และกลายเป็นที่มาของการผลิตเนยและชีสในปัจจุบัน

นอกจากนี้มีหลักฐานการบันทึกสมัยกรีกโบราณว่า อริสเตอุส บุตรชายแห่งเทพเจ้าอะพอลโลเป็นผู้ค้นพบวิธีการผลิตชีส แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อว่าชนเผ่าเบดูอิน
เป็นผู้นำความรู้มาถ่ายทอดต่อให้กับโรมันโบราณอีกที อย่างไรก็ตามชาวโรมันถือว่าชีสเป็นอาหารประจำวันที่สำคัญ บ้านของชาวโรมันในสมัยโบราณ
จึงมีห้องสำหรับเก็บชีสทุกหลังคาเรือนทหารโรมันเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลอย่างมากในการเผยแพร่ชีสให้คนทั่วโลกได้รู้จัก
เพราะเมื่อใดก็ตามที่กองทหารโรมันออกศึกไปที่ใด ทหารเหล่านี้มักจะแบ่งปันชีสส่วนหนึ่ง
ให้กับทหารท้องถิ่นบริเวณนั้นด้วย ดังนั้นชีสจึงถูกเผยแพร่เป็นที่รู้จักไปทั่วยุโรป

ต่อมาในสมัยกลางบาทหลวงในคริสต์ศาสนาได้ผลิตชีสออกจำหน่ายเพื่อเป็นการหารายได้เข้าโบสถ์ ส่งผลให้โบสถ์เปลี่ยนสถานะจากที่เคยเป็นเพียงศาสนสถาน
มาเป็นแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับกรรมวิธีการผลิตชีส หลังจากนั้นเป็นต้นมาชีสก็ได้รับการปรับปรุงรสชาติและกลิ่นไปตามความหลากหลาย
ของวัตถุดิบในแต่ละท้องถิ่นจนก่อให้เกิดชีสแบบดั้งเดิม (Traditional Cheese) ที่จะมีเฉพาะท้องถิ่นนั้น ๆ แต่เนื่องจากในแต่ละท้องถิ่นมีการผลิตชีสชนิดใหม่ ๆ
ออกมาอย่างสม่ำเสมอบวกกับในยุคนั้นเกิดการผลิตชีสในระบบโรงงานอุตสาหกรรมที่เน้นแต่ปริมาณผลผลิต วิธีการทำชีสแบบดั้งเดิมจึงค่อยๆสูญหายไป
ปัจจุบันนี้มีเพียง หกประเทศเท่านั้นที่ยังคงรักษาวิธีการผลิตชีสแบบดั้งเดิมไว้อยู่ได้แก่ ประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์
โดยเฉพาะในประเทศอิตาลี และฝรั่งเศส ที่มีระบบการันตีคุณภาพและมาตรฐานของชีสแบบดั้งเดิม
ซึ่งช่วยรักษาเอกลักษณ์ของชีสมาจนถึงปัจจุบัน

ที่มาของคำว่าชีสดิป (Cheese Dip)

มาจากการรวมคำสองเข้าด้วยกันคือคำว่า ชีส (cheese) ที่เรียกในภาษาไทยตามหลักพจนานุกรมคือ เนยแข็ง
ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์จากนมและคำว่าดิปจากภาษาอังกฤที่หมายถึงจุ่ม เมื่อรวมเป็นคำเดียวกัน
คือชีสดิป (cheese dip)หมายถึง เป็นซอสน้ำจิ้มชนิดข้นที่มีส่วนผสมของชีสเป็นหลัก

ที่สามารถทานคู่กับของทอดได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด แผ่นแป้งข้าวโพดบางกรอบ และอื่นๆ อีกมากมายหลายเมนู นอกจากเมนูทอดเหล่านี้
ในต่างประเทศยังใช้สำหรับจุ่มอาหารหรือกินร่วมกับอาหารจำพวกไก่ทอด กุ้งทอด กุ้งย่างหรือแม้แต่การกินร่วมกับผักอย่างเช่นบอคโคลี่ เป็นต้น
ซึ่งการกินร่วมกับชีสดิปจะช่วยเสริมรสชาติอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้น และนี่คือ ความเป็นมาของชีส

ชีสดิปสามารถทำออกมาได้หลายแบบหลายรสชาติ มีหลายสูตรให้เลือก ซึ่งแต่ละสูตรก็อาจจะมีความต่างในเรื่องชนิดของชีสที่ใช้
และวัตถุดิบเพิ่มรสชาติที่ต่างกัน และเมื่อชีสดิปมีชื่อเสียงอย่างแพร่หลายก็จะยิ่งมีรสชาติกลิ่นรสที่ต่างกันไปเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมการบริโภคของสถานที่นั้นๆ
โดยหากมองถึงสูตรชีสดิปดั้งเดิม ส่วนใหญ่จะเป็นการทำจากชีสเป็นส่วนผสมหลักอย่างเช่น ชีสเชดดาร์ (Cheddar cheese) ชีสเอมเมนทัล (Emmental cheese)
และโพรเซสชีส (Processed Cheese) เป็นต้น และมีวัตถุดิบอื่นๆ เป็นส่วนผสมรองลงมา อย่างเช่น แป้งข้าวโพดซึ่งช่วยในเรื่องการสร้างความหนืด เครื่องเทศต่างๆ
อย่างผงพริก ที่ช่วยให้ชีสดิปมีกลิ่นรสที่หลากหลายขึ้น และอื่นๆ ชีสดิปที่มีชีสเป็นส่วนผสมหลักนี้จะนิยมเป็นการทำเพื่อแข่งขันทางด้านรสชาติตามร้านอาหารที่ต่างประเทศอย่างอเมริกา
และทำเพื่อทานเองตามครัวเรือนที่ต่างประเทศ เนื่องจากชีสค่อนข้างหลากหลายและหาได้ง่าย

 

รู้ความเป็นมาของชีส แบบนี้แล้ว เราก็มาเลือกทานชีสดิปกันได้แบบจุใจนะคะ โดยในร้านของเราก้มี ชีสดิป ให้ลูกค้าเลือกหลากหลายแบบมาเลยค่ะ

สามารถอ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับชีสดิปเพิ่มเติม ได้ที่นี่เล้ย

เฟรนฟรายส์ราดชีส แจกฟรีคิดต้นทุนกำไร

รีวิวชีสดิป สำหรับ ร้านค้าส่ง ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ

แจกสูตร ร้านค้า เทคนิคการเลือกชีสดิป

History of cheese

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *